Ads Top

สงครามสั่งสอน จีน - เวียดนาม



....เวียดนาม ในปี 1975 ไซง่อนแตกอเมริกาถอนทัพกลับบ้านและเป็นปีเดียวกันที่กองทัพเขมรแดงเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเดิม (ที่มีอเมริกาสนับสนุน) ในกัมพูชา
.
ต่อมา 1976 เวียดนามจึงรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ชื่อสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ช่วงเวลานั้นได้เกิดมีการปะทะกันที่พรมแดนกับกองทัพเขมรแดงตลอดเวลา โดยเป็นทางเขมรแดงที่รุกล้ำเขตแดนก่อน (ทั้งที่ในระหว่างสงครามเวียดนามคอมมิวนิสต์เวียดนามและคอมมิวนิสต์เขมรแดงเป็นพันธมิตรกัน) การสู้รบกันตามแนวพรมแดนระหว่างสองชาติทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงปี 1978 จีนต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายหาข้อยุติ แต่ไม่เป็นผล
.
3 พฤศจิกายน ปีดังกล่าว เวียดนามมีการลงนามทำสัญญาสันติภาพร่วมกันกับสหภาพโซเวียต กระทั่งวันที่ 25 ธันวาคม 1978 เวียดนามจึงได้เคลื่อนพลกว่า 150,000 ข้ามเขตแดนเข้าสู่กัมพูชา ด้วยความเหนือกว่าทางด้านกำลังพลและอาวุธที่ทันสมัย (โดยการสนับสนุนจากโซเวียต) ใช้เวลาไม่นานก็ยึดกรุงพนมเปญได้ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 1979
.
หลังจากนั้นได้จัดตั้งรัฐบาลหุ่นขึ้นโดยให้นาย เฮง สัมรินขึ้นเป็นผู้นำ ส่วนนายพลพตกับ เขียวสัมพันธ์กลุ่มเขมรแดงผู้แพ้ได้ล่าถอยไปทางตะวันตกเข้าป่าตรงบริเวณเขตรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งกองทัพเวียดนามจึงยกพลเข้ามาประชิดติดชายแดนไทย
.
.....จีน เป็นที่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหภาพโซเวียตสองมหาอำนาจแห่งค่ายคอมมิวนิสต์ ณ ห้วงเวลานั้นไม่ค่อยสู้ดีนักโดยก่อนหน้านั้น ในปี 1969 จีนกับโซเวียตก็เคยปะทะกันด้วยอาวุธมาแล้ว อันเนื่องมาจากปัญหาพรมแดนแต่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ถึงกระนั้นก็ทำให้เหมาเจ๋อตุงต้องทำอะไรสักอย่าง
.
2 ปีต่อมา 1971 จีนจึงเริ่มหันไปผูกมิตรกับสหรัฐโดยเป็นไปในระดับเอกอัครราชทูตก่อนซึ่งทางสหรัฐก็ตอบสนองอย่างดีในปีต่อ 1972 มากรุงปักกิ่งจึงได้ต้อนรับผู้นำอเมริกัน ริชาร์ด นิกสัน อย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนทางมอสโกไม่สบอารมณ์กับข่าวนี้ ในเวทีโลก
.
หลังเวียดนามเข้ายึดกัมพูชา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุได้เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชน โดยขอให้ชาติสมาชิกงดให้การช่วยเหลือแก่เวียดนาม และไม่รับรองรัฐบาลที่เวียดนามจัดตั้งขึ้นในกัมพูชา ด้านที่ประชุมเสนอให้มีการเจรจาและให้ถอนกองกำลังต่างชาติออกจากกัมพูชา จีนและอีกหลายชาติสมาชิกรับรองแผนนี้ และเห็นด้วยแต่ทางโซเวียตไม่เห็นด้วยพร้อมบอกว่าเวียดนามไม่ได้รุกรานแต่เข้ามาเพื่อปลดปล่อยประชาชนชาวกัมพูชาจากการปกครองที่โหดเหี้ยมของเขมรแดงเป็นเหตุให้ประชากรอดอยากล้มตายสูญหายเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเป็นการหยุดยั้งพลพต ไม่ให้ขยายอำนาจไปประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะเป็นอันตรายต่อภูมิอินโดจีน
.
และในระหว่างที่เวียดนามได้ควบคุมกัมพูชาได้แล้วนั้น รองนายกจีน เติ้งเสี่ยวผิง ก็ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์ ระหว่างวันที่ 28 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ 1979 เมื่อเติ้งเสี่ยวผิงกลับจากเยือนสหรัฐแล้วจีนจึงได้มีการเคลื่อนไหว
.
สงครามเต็มรูปแบบระหว่างสองชาติได้เริ่มเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1979 โดยจีนอ้างเหตุผลในการบุกครั้งนี้ว่าเวียดนามได้ทำการรุกล้ำหมู่เกาะสแปรตลีย์ (Spratly Islands) ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นของตน อีกทั้งเวียดนามได้ข่มเหงรังแกชนกลุ่มน้อยชาวจีนและคนจีนในเวียดนาม พร้อมทั้งบอกอีกว่าเวียดนามได้ทำการยั่วยุโจมตีตามแนวชายแดนตลอดหลายครั้งหลายครา
.
จีนใช้กองกำลังทหารจากมณฑลทหารคุนหมิงและกว่างโจวในการบุกครั้งนี้ โดยแยกกันโจมตีหลายจุดตามหัวเมืองต่างๆทางทิศเหนือของเวียดนามพร้อมๆกันอันได้แก่หล่าวกาย (Lao cai) เกาบัง (Cao bang) ลางซอน (Lang son) ล็อคบินห์ (Loc binh)
.
ในระยะแรกๆ ของการบุกด้วยยุทธวิธีที่ล้าหลังใช้ปริมาณคลื่นมนุษย์ทหารเข้าบุกและความไม่มีประสิทธิภาพด้านการสื่อสารประกอบกับความเจนจัดผ่านสนามรบอย่างโชกโชนของเวียดนามทำให้จีนสูญเสียอย่างหนัก ดังเช่น 18 กุมภาพันธ์ในการบุกเมืองหล่าวกายทหารจีนล้มตายเป็นจำนวนมาก 20 กุมภาพันธ์ในการปิดล้อมเกาบังกองรถถังจีนก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกันด้วยเหตุนี้จีนจึงได้เปลี่ยนตัวผู้บังคับบัญชาเสนานายทหารในระหว่างสงครามพร้อมปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการบุกโดยการใช้ปืนใหญ่ยิงปูพรมถล่มใส่แนวรับเวียดนามตลอดทั้งวันทั้งคืนทุกตารางนิ้วแทบจะทุกวินาที (ซึ่งแน่นอนต้องใช้จำนวนปืนใหญ่ และกระสุนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเรื่องปริมาณจีนถนัดแต่เรื่องคุณภาพว่ากันทีหลัง) ได้ผลแนวรับเวียดนามเริ่มแตกทีละจุดจีนเริ่มเดินหน้ารุกคืบต่อไป ตอนนี้เวียดได้เรียกกำลังหลักในกัมพูชาและลาวกลับมา (ตอนจีนเริ่มบุกเวียดนามมีกำลังพลเพียง 70,000 ซึ่งประกอบด้วยทหารตำรวจและอาสาสมัคร) แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพจีนได้
.
23 กุมภาพันธ์ กองพลที่ 3 ของเวียดนามกองพลที่ 171 และกองพันเสือบินหน่วยรบชั้นดีจากสมัยสงครามเวียดนามแตกระเจิงสิ้นชีพและสิ้นชื่อสูญสลายในสนามรบแทบทั้งหมด 24 กุมภาพันธ์แนวรบของจีนทางด้านตะวันออกเริ่มโจมตีลางซอน 26-27 กุมภาพันธ์เกาบังแตกและจีนเข้ายึดสนามบินที่เกาบังจากนั้นจึงริ่มการเข้ายึดเมืองลางซอนร่วมกับกองกำลังทางแนวรบด้านตะวันออกจากล็อคบินห์ (เมืองถัดไปจากลางซอนคือฮานอย โดยห่างกันประมาณ 128 กิโลเมตร ประมาณกรุงเทพ-กาญจนบุรี)เวียดนามทำการยันจีนใว้ที่ลางซอนอย่างเต็มกำลังแต่สุดท้ายจีนก็ยึดลางซอนได้เป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 2 มีนาคม
.
3 มีนาคม จีนเคลื่อนทัพเข้าใกล้ฮานอย 4 มีนาคมที่ฮานอยเวียดนามระดมพลทหารพลเรือนชาย-หญิงเตรียมรับศึกพร้อมป้องกันฮานอยอย่างเต็มที่ วันเดียวกันนั้นที่มอสโก ลีโอนิด เบรสเนจ(Leonid brezhnev) ผู้นำโซเวียตประกาศว่า จะไม่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ เวียดนามถูกพี่ใหญ่ทิ้งเสียแล้วทั้งที่ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 1978 ได้ทำสัญญาสันติภาพร่วมกันใว้แล้วว่าถ้าอีกฝ่ายโดนบุกโจมตีอีกฝ่ายจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่แล้วจีนก็ทำให้ทั่วโลกมึนงงด้วยการไม่เข้าโจมตีฮานอยอีกทั้งยังถอนกำลังทหารกลับบ้านพร้อมกับประกาศชัยชนะด้วยเหตุผลที่ว่าตนได้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางใว้แล้ว ถึงกับงงและอึ้งกันทั้งบางแต่กระนั้นเวียดนามก็ยังกล้าๆบอกว่าทางตนได้ขับไล่จีนออกประเทศเองและประกาศว่าเป็นชัยชนะของเวียดนาม ระหว่างที่ถอนกำลังจีนได้บอกทางเวียดนามว่าอย่าโจมตีข้างหลังเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะกลับไปถล่มฮานอยจริงๆ แถมระหว่างทางที่กองทัพจีนเดินทางกลับบ้านจีนยังได้ตัดกำลังเวียดนามอีกดอกด้วยการทำลายเกือบทุกอย่างด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคเป็นเหตุให้ทางภาคเหนือของเวียดนามเป็นอัมพาตนานนับทศวรรษ
.
หลังสงครามเวียดนามบอบช้ำอย่างหนัก เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนอดอยาก โดนโดดเดี่ยวจากนานาชาติ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถอนทหารออกจากกัมพูชาและยังรบกับเขมรสามฝ่ายต่อไป อีกสิบปีจนเหล่าผู้นำเวียดนามเห็นว่าไม่ไหวแล้ว จึงได้มีการเจรจาและถอนกำลังทั้งหมดออกจากกัมพูชา เมื่อปี 1989
.
ปี 1991 เวียดนามและจีนก็ได้ตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันสู่ระดับปกติอีกครั้ง (เป็นปีเดียวกันกับที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย) ทางด้านจีนผลจากสงครามได้สูญเสียเหล่าทหารไปราว30,000 นาย แต่ถ้าไม่นับความสูญเสียนี้จีนถือว่าบรรลุเป้าหมายที่ได้วางเอาใว้ตั้งแต่แรก คือไม่ต้องการเข้ายึดเวียดนามเพียงแต่ต้องการทำให้เวียดนามเห็นว่าจีนยังคงมีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในแถบนี้
.
การกระทำของเวียดนามถือว่าเป็นการไม่ใว้หน้าและกร้าวร้าวต่อรัฐบาลปักกิ่ง (รู้อยู่ว่าเขมรแดงนั้นจีนหนุนหลังอยู่) แถมยังไปฝักใฝ่คอมมิวนิสต์โซเวียตที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีนมาตลอดอีกทั้งถ้าปล่อยให้เวียดนามจัดตั้งสหพันธรัฐอินโดจีน (ตามแผนของเวียดนามประกอบด้วยเวียดนาม ลาว กัมพูชาและภาคอีสานของไทย) ได้สำเร็จคงไม่เป็นการดีต่อจีนแน่ เพราะตะวันออกก็โซเวียตด้านใต้ก็เวียดนาม(คอมมิวนิสต์สายโซเวียตอีก) จึงเป็นการดับซ่าและตัดกำลังเวียดนามไปในตัวส่วนผลพลอยได้คือได้รับการนับถือและมีบุญคุณต่อไทยในทางอ้อม
สุสานสงครามครั้งนี้ในจีนตั้งอยู่ที่เมืองมาลิโบ (Malibo) ในมณฑลหยุนหนาน(หรือยูนนาน)ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน คนจีนจำนวนน้อยมากที่รู้จักสุสานแห่งนี้หรือรู้ว่าเคยมีสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องเพราะรัฐบาลจีนได้ยึดเก็บเอกสารบันทึกต่างๆที่เกี่ยวกับสงครามครั้งนี้ใว้ทั้งหมดไม่มีการโบกธงดอกใม้หรือการต้อนรับเหล่าทหารกล้าเมื่อครากลับบ้านไม่มีเหตุการณ์ครั้งนี้ในบทเรียนหนังสือ เหมือนจีนอยากจะลืมว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
.

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.