Ads Top

กูรข่า ยอดนักรบเนปาลในมหาาสงครามโลกครั้งที่ 1



ปี 2014 ครบรอบ 100 ปีนับแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สาธารณรัฐหิมาลัยเนปาล ตั้งอยู่ระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชียคือจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตโกร์คา(Gorkha) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการที่เป็นดินแดนบ้านเกิดของนักรบในตำนานชาวกูร์ข่า นักต่อสู้ที่ถูกคัดเลือกมาจาก ชาวเขาเผ่า ซันวาร์(Sunwar) กูรัง(Gurung) ไร(Rai) มาการ์(Magar) ลิมบู(Limbu) ฯลฯ

ความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ของพวกเขาพร้อมทั้งความเรียบง่ายคือเหตุผลเบื้องหลังเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ พวกเขามีชื่อเสียงในความไม่กลัวเกรง หากใครสักคนหนึ่งจะกล่าวว่า เขานั้นไม่กลัวตาย นั่นคือถ้าเขาไม่โกหก เขาก็คือนักรบกูรข่า

ในปัจจุบันนักรบกูรข่ารับใช้กองทัพเนปาล อินเดียและสหราชอาณาจักร ตามสนธิสัญญาระหว่างสามประเทศนับแต่อินเดียได้รับเอกราชในปีค.ศ. 1947 ณ เวลานี้มีทหารกูรข่าประมาณ 12,000 นายประจำอยู่ในกองทัพอินเดีย และอีกประมาณ 3500 นายประจำการอยู่ในกองทัพบกอังกฤษ

ขั้นตอนในการคัดเลือกทหารของอังกฤษนั้น ได้รับการยอมรับว่าเข้มข้นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีชายหนุ่มประมาณ 28,000 คนต้องแข่งขันกันสำหรับตำแหน่งเพียง 200 ตำแหน่งในแต่ละปี เพื่อที่จะผ่านการทดสอบนั้นเด็กหนุ่มเหล่านี้ต้องวิ่งเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร โดยแบกหินไว้บนหลังของพวกเขา มีน้ำหนักเกือบ 25 กิโลกรัม ไปตามสภาพแวดล้อมขุนเขาในเวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะรับใช้กองกำลังติดอาวุธของอังกฤษอยู่ก็ตาม นักรบกูรข่าก็ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะได้พำนักอย่างถาวรในสหราชอาณาจักร และต้องถูกส่งกลับเนปาล พวกเขาได้รับเงินบำนาญน้อยกว่าทหารอังกฤษ แต่เมื่อสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปในปีค.ศ.2007 เมื่อรัฐบาลลอนดอนตัดสินใจที่จะจ่ายเงินบำนาญในจำนวนเท่ากันแก่ทหารกูรข่าทั้งหมด ซึ่งปลดเกษียณหลังปีค.ศ.1997 ความเคลื่อนไหวนี้ แสดงถึงชัยชนะเล็กๆในความพยายามของเหล่านักรบ เพื่อการปฏิบัติที่เท่าเทียม และไม่กี่ปีต่อมาในปี 2009 อดีตนักรบกูรข่าที่เกษียณแล้วทั้งหมดก็ได้รับสิทธิ์ให้อยู่อาศัยได้ในสหราชอาณาจักร

ชาวกูรข่านั้นได้มีปฏิสัมพันธ์กับโลกตะวันตกครั้งแรกเมื่อประมาณปีค.ศ. 1814-16 เมื่อบริษัทบริติชอีสท์อินเดียของอังกฤษทำสงครามกับเนปาล ถึงแม้ความขัดแย้งจะจบสิ้นลงด้วยชัยชนะของฝ่ายอังกฤษ แต่ความสูญเสียอย่างมากมายต่อกองทัพของพวกเขาเป็นฝีมือของพวกกูรข่า "ผมไม่เคยเห็นความมุ่งมั่นหรือความกล้าหาญใดๆแบบนี้ในชีวิตของผมเลย พวกเขาวิ่งโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย ถึงแม้ว่าสหายร่วมรบของพวกเขาจะล้มกองพะเนินอยู่รายรอบก็ตาม" ทหารอังกฤษนายหนึ่งกล่าวทบทวนความทรงจำ
ด้วยความประทับใจในฝีมือการรบของศัตรูของพวกเขา อังกฤษจึงได้ทำสนธิสัญญาสันติภาพกับกษัตริย์เนปาล ขอให้ทรงอนุญาตให้พวกเขาเกณฑ์ชาวกูรข่าให้ไปรับใช้กองทัพอังกฤษ โดยจัดตั้งมูลนิธิเป็นระยะเวลาเกือบ 200 ปี สำหรับความร่วมมือทางการทหารของทั้งสองฝ่าย

ในเวลานั้นยากที่ใครจะจินตนาการได้ว่า อีกประมาณหนึ่งศตวรรษหลังจากนั้น ที่นักรบกูรข่าต้องออกไปสู้รบพร้อมกับทหารอังกฤษ ไกลหลายพันไมล์จากบ้านเกิดตนเองยังแผ่นดินยุโรป ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 (ปีค.ศ.1914 ถึง 1918) มีทหารกูรข่าประมาณ 200,000 นายเข้าสู้รบในมหาสงครามโลก (the Great War) ตั้งแต่สมรภูมิฝรั่งเศสจนถึงเปอร์เซีย(อิหร่าน)

ทหารชาวเนปาลเหล่านี้ได้ต่อสู้ให้กับอังกฤษ ในสงครามความขัดแย้งมากมาย รวมทั้งสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเกาะฟอล์กแลนด์ อิรักและอัฟกานิสถาน แต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คือครั้งแรกที่นักรบกูรข่าออกจากเอเชียใต้เข้าสู่สมรภูมิ ตามรายงานของทางการระบุว่า มีนักรบกูรข่าได้รับบาดเจ็บล้มตายถึง 20,000 นาย ในระหว่างสงครามนั้น จำนวนทหารไรเฟิลชาวกูรข่าได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 33 กองพัน รัฐบาลเนปาลตระหนักถึงความจำเป็นที่ทหารกูรข่ามีต่อฝ่ายสัมพันธมิตร จึงได้เพิ่มจำนวนกำลังหน่วยทหารกูรข่า ให้เพียงพอกับความต้องการที่มากขึ้นสำหรับอังกฤษในทุกแนวรบ

ความขัดแย้งในยุโรปได้ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ไม่เพียงสำหรับนักรบกูรข่า แต่รวมถึงกองทัพบกร่วมอินเดียอังกฤษด้วย พวกเขาต้องเผชิญสถานะที่ยากลำบากอาทิ อากาศที่หนาวจัด สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และสงครามหลุมเพาะป้อมค่ายนักรบกูรข่าเผชิญศัตรูในทุกรูปแบบและพวกเขาก็สามารถตอบโต้ได้ด้วยความกล้าหาญ เพียงปืนไรเฟิลและปืนกลที่มีเพียงสองกระบอกต่อกองพัน(ไม่มีปืนครก หรือระเบิดมือ) แต่พวกเขาก็ทำได้

จุดสูงสุดที่แสดงถึงศักยภาพของทหารกูรข่า คือช่วงระหว่างสงครามกัลลิโพลิ(Gullipoli) ในปีค.ศ.1915 เมื่อเหล่านักรบได้รับเกียรติยศตลอดกาล โดยการยึดที่ตั้งซึ่งป้องกันแน่นหนาของตุรกี โดยได้รับบาดเจ็บล้มตายเพียงเล็กน้อย การปฏิบัติการครั้งนั้นถูกเรียกว่า การขู่เข็ญของกูรข่า(Gurkha Bluff) ในเขตแนวตะวันตกกองพันทหารกูรข่าได้ต่อสู้จนกระทั่งนาทีสุดท้ายและจนกระทั่งคนสุดท้ายในการต่อสู้แห่งลูส์ (Battle of Loos)

เหล่ากองพันทหารกูรข่าได้รับรางวัลกล้าหาญ 2000 รางวัล สำหรับความกล้าหาญและความมีส่วนช่วยเหลือ ในช่วงสงคราม ความกล้าหาญของทหารกูรข่าและความช่วยเหลือต่อกองทัพอังกฤษในช่วงสงคราม สะท้อนได้ดีที่สุดโดยข้อความตอนหนึ่งที่กล่าวโดยกัปตันราฟ เทอร์เนอร์ของอังกฤษ ผู้เคยร่วมต่อสู้กับพวกเขาว่า "กล้าหาญที่สุดในหมู่ผู้กล้า มีน้ำใจที่สุดในหมู่ผู้มีน้ำใจ ไม่มีประเทศใดเป็นมิตรที่ซื่อสัตย์ได้มากกว่าพวกท่านอีกแล้ว"

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.